26/10/64

ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ จ.สุพรรณบุรี

พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์

พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์แห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นระลึกถึงวีรกรรมการชนช้างของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยากับพระมหาอุปราชาแห่งพม่า ที่ยกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2135 ในเวลาต่อมา เจดีย์แห่งนี้ถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2456 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงรับสั่งให้ค้นหาซากเจดีย์เก่า เมื่อค้นพบก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเจดีย์ยุทธหัตถี ภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จไปประกอบพิธีบวงสรวงสมโภช เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2456 ในขณะนั้นองค์เจดีย์เหลือซากแต่เพียงฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 19.50 เมตร สูงจากพื้นดินถึงส่วนชำรุด 6.50 เมตร รัชกาลที่ 6 จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรทำการบูรณะและเลือกแบบเจดีย์ยุทธหัตถีที่จังหวัดตาก ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกครั้งพ่อขุนรามคำแหงชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด แม้ว่าการบูรณะเจดีย์ในครั้งนั้นจะไม่ได้ดำเนินการตามพระราชประสงค์ หากแต่ในสมัยรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีการสร้างแบบของเจดีย์ให้เป็นทรงลังกาตามแบบเจดีย์ใหญ่ที่วัดชัยมงคล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะสันนิษฐานว่า เจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคลนี้ สมเด็จพระนเรศวรฯ ได้โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะครั้งนั้นตามคำกราบทูลแนะนำของสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้ว เช่นเดียวกับเจดีย์ยุทธหัตถี ในปี พ.ศ. 2495 กองทัพบกได้บูรณปฏิสังขรณ์องค์เจดีย์ขึ้นใหม่ โดยสร้างเป็นเจดีย์แบบลังกาทรงกลมใหญ่ สูง 66 เมตร ฐานกว้างด้านละ 36 เมตร ครอบเจดีย์องค์เดิมไว้ ภายในได้มีการสร้างห้องแสดงประวัติศาสตร์ ทั้งภาพแสงสีเสียง และหุ่นจำลองการยกทัพของพม่าและไทยหลายร้อยตัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ ไปประกอบพิธีบวงสรวงและเปิดพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2502 ต่อมาทางราชบัณฑิตได้คำนวณพบว่าวันทางจันทรคติที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี คือวันจันทร์เดือน 2 แรม 2 ค่ำ จุลศักราช 954 ตรงกับวันที่ 18 มกราคม จึงประกาศให้วันดังกล่าวเป็นวันถวายราชสักการะพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์และถือเป็นวันกองทัพไทย พร้อมกันนั้นทางจังหวัดได้จัดให้มีงานเฉลิมฉลองพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ทุกปี ถัดจากเจดีย์ไปประมาณ 100 เมตร เป็นที่ตั้งของพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในมีรูปปั้นของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระสุพรรณกัลยา ปัจจุบันมีผู้นิยมไปสักการบูชาอยู่เสมอเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ตั้งแต่ 07.00-16.30 น. และเสาร์-อาทิตย์ 07.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552 5867, +66 3552 5880



ที่อยู่ : ดอนเจดีย์, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/l8JJN

 

 

วัดสามชุก

แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าวัดสามชุกสร้างมาตั้งแต่สมัยใด หากแต่ร่องรอยที่พอจะแสดงให้เห็นถึงความเก่าแก่นั้น เห็นจะเป็น รอยพระพุทธบาทจำลอง ที่ประดิษฐานภายในมณฑป ซึ่งภายหลังกรมศิลปากรได้จดทะเบียนเป็นวัตถุโบราณ ส่วนพระพุทธรูปที่ประดิษฐานในมณฑปนั้น เป็นพระพุทธรูปหินทรายสมัยอยุธยา ต่อมาได้รับการปฏิสังขรณ์และนำมาประดิษฐานเป็นพระประธานบนศาลาการเปรียญ นอกจากนี้ยังมีหงส์สัมฤทธิ์อีก 1 คู่ ซึ่งอดีตตั้งโดดเด่นอยู่หน้ามณฑป ปัจจุบันย้ายมาตั้งอยู่ที่หอสวดมนต์ 1 ตัว และกุฏิพิพิธภัณฑ์อีก 1 ตัว สำหรับนักท่องเที่ยวที่แวะมายังไหว้พระบริเวณหอสวดมนต์ จะได้พบกับ หลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับวัดมาช้านาน และชาวบ้านนิยมมาสักการบูชาอยู่เป็นประจำ 
เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่ 09.00-18.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3557 1791, +66 3557 1108, +66 3557 2755
 
 
 
 
 
ที่อยู่ : 3 หมู่ที่ 1 สามชุก, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/yDUSg
 
 
 
 

วัดทับกระดาน

ใครก็ตามที่มาเยือนวัดทับกระดาน จะต้องอดนึกถึงราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับไปไม่ได้ เพราะวัดแห่งนี้เป็นที่เก็บรักษาสิ่งของต่าง ๆ ของพุ่มพวง ดวงจันทร์ (หรือชื่อจริงคือ รำพึง จิตรหาญ) เอาไว้ เนื่องจากที่นี่เป็นอำเภอบ้านเกิดของเธอ และพุ่มพวงก็คุ้นเคยกับวัดนี้มาตั้งแต่เด็ก ทางวัดจึงได้มีการเก็บเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ในการร้องเพลง รวมทั้งรูปถ่ายจากข่าวหนังสือพิมพ์ไว้ในโบสถ์ของวัดเพื่อให้ผู้คนที่ยังรักและคิดถึงนักร้องในดวงใจ ได้แวะเวียนมาระลึกถึง นอกจากนี้บริเวณศาลาท่าน้ำจะมีรูปวาดของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่มีคนนำมาให้เพื่อแก้บน ส่วนศาลาริมสระน้ำมีการสร้างหุ่นพุ่มพวงเอาไว้ ให้คลายความคิดถึง และทุก ๆ วันที่ 13 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ทางวัดจะมีการจัดงานรำลึกถึงเธออยู่เรื่อยมานับตั้งแต่ปี 2536 
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3553 0113, +668 9922 6234
 
 
 
 
ที่อยู่ : 13 หมู่ 2 ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3351 หลักกิโลเมตรที่ 10 สองพี่น้อง, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/bCs2Z
 
 
 
 

วัดลาดสิงห์

ความกว้างใหญ่ราว 35 ไร่แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของวัดลาดสิงห์ หรือชื่อเดิมคือวัดราชสิงห์ จากคำบอกเล่าสืบทอดกันมาว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงสร้างวัดนี้ขึ้นภายหลังจากที่ประสบชัยชนะในสงครามยุทธหัตถีและทรงทราบข่าวว่า พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่เมืองพม่านั้นถูกประหารชีวิตเสียแล้ว และเพื่อเป็นการล้างแค้นที่พระมหาอุปราชสิ้นพระชนม์ด้วยพระแสงของ้าว พระองค์จึงทรงสร้างวัดเพื่ออุทิศพระกุศลให้แด่พระสุพรรณกัลยา ภายในบริเวณวัด จะพบกับโรงเรียนวัดลาดสิงห์ด้านซ้ายมือ ส่วนขวามือเป็นเจดีย์สีขาว มีพระปรางค์ลีลาอยู่ข้าง ๆ นอกจากนี้ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกมากมายภายในวัด เช่น "อุโบสถวัดลาดสิงห์" เป็นอุโบสถไม้ที่ผสมอิฐปูน สีสันสวยงามและมีอิฐล้อมอยู่รอบ ๆ โบสถ์ ด้านหน้ามีรูปปั้นลายสิงห์คู่ ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของ "หลวงพ่อดำ" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาแลง ปางสะดุ้งมาร (มารวิชัย) เกตุบัวตูม อายุประมาณ 500 ปี นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานของ "อนุสาวรีย์ 3 พระองค์" ได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา ได้รับความนิยมของประชาชนทั่วไปที่พากันมากราบไหว้บูชา เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552 5867, +66 3552 5880
 
 
 
ที่อยู่ : หมู่ 5 ถนนเลียบคลองชลประทาน สามชุก, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/Ge16s
 
 
 
 

วัดพระธาตุ (วัดพระธาตุศาลาขาว)

วัดแห่งนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวัดพระธาตุ, วัดพระธาตุศาลาขาว, วัดพระธาตุสวนแดงหรือวัดธาตุนอกสาเหตุที่ชาวบ้านพากันเรียกว่าวัดพระธาตุสวนแดงนั้น เป็นผลมาจากด้านทิศตะวันออกของวัด ซึ่งห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของวัดสวนแตงและตลาดสวนแตง ส่วนที่เรียกว่า วัดธาตุนอกนี้ ก็เพื่อไม่ให้ซ้ำกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเรียกว่า "วัดพระธาตุใน" เนื่องจากวัดทั้งสองมีพระปรางค์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ภายในวัดพระธาตุก็ยังมีสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น ศาลาการเปรียญ, พระปรางค์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระปรางค์ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุแต่ขนาดย่อมกว่า มีความสูงประมาณ 20-25 เมตร จากสภาพที่หลงเหลือปัจจุบันเป็นพระปรางค์เดี่ยว มีบันไดและซุ้มประตู ยอดพระปรางค์มนกว่ายอดพระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งมียอดแหลม แผ่นอิฐมีขนาดเล็ก และสอด้วยปูนหวาน เนื้อหยาบ จากหลักฐานของโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบได้จากพระปรางค์ สันนิษฐานได้ว่าวัดนี้สร้างราว พ.ศ. 1967-2031 ในรัชสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) หรือพระบรมไตรโลกนาถ ถัดจากพระปรางค์ บริเวณข้างอุโบสถวัด มีสวนหย่อมขนาดเล็กให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ปัจจุบันยังเป็นสถานที่จำพรรษที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสำหรับพระภิกษุสามเณรอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ +66 3552 5867, +66 3552 5880
 
 
 
ที่อยู่ : เมืองสุพรรณบุรี, สุพรรณบุรี
เครดิต : https://1th.me/lZMu7





 
 

 

แสดงความคิดเห็น

Whatsapp Button works on Mobile Device only